Tuesday, November 17, 2015
Wednesday, November 4, 2015
เทคนิคการขายสินค้าบนเน็ต
1. โพสต์ตามเว็บบอร์ด Classified ทั่วๆไป
ยิ่งโพสต์เยอะ ก็ยิ่งมีคนรู้จักเว็บเราเยอะครับ ผมจัดเวลาโพสต์ตามเว็บขายของทุกวัน วันละ 1-2 ชั่วโมง เราจะมีคนที่เห็นข้อความโฆษณาของเราและคลิกเข้ามาเพิ่มขึ้นทุกวันครับ
2. ทำการแลก Link กับเว็บไซต์ของคนอื่นๆ
โดยเฉพาะถ้าเป็นเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับเราได้ก็จะดีมาก เช่น ถ้าเราขายเครื่องสำอางค์ ก็ไปแลกลิงก์กับเว็บเครื่องสำอางค์ เป็นต้นเพื่อให้มีผลทางด้าน Search Engine Optimize (หมายถึง ใครหาใน Google ก็เจอเว็บเรา)
3. สินค้ามีหลากหลาย ที่สำคัญต้องมี "เอกลักษณ์" ที่คนอื่นไม่มี
หาก มีโรงงานเอง หรือนำเข้าแต่เพียงผู้เดียว ก็จะทำให้มีภาษีดีกว่าคนที่ไปซื้อมาขายหรืออาจจะไม่ต้องมีโรงงานเอง แต่ไปติดต่อกับโรงงานเพื่อให้ผลิตให้เฉพาะที่เราต้องการสั่งก็ได้ครับ
4. รูปภาพต้องเยอะ
ซื้อขายกันที่รูปภาพ ไม่ค่อยมีใครมานั่งอ่านรายละเอียดก่อนหรอกครับ หากรูปภาพโดนใจ จึงจะอ่านข้อมูลสินค้า
รูปต้องเยอะ รูปต้องสวย (แต่ต้องไม่แต่งเกินจริง) เห็นได้ชัดเจน ใหญ่พอประมาณ ไม่เล็กกระจิ๋วดูแล้วมองภาพออกทันทีว่าสินค้าเราเป็นอย่างไร อย่างนี้จะแจ่มมาก
5. อัพเดตรูปสินค้าให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
ถ้าสินค้ามีไม่มาก ใช้วิธีถ่ายรูปในมุมใหม่ๆ เปลี่ยนมุม เปลี่ยนฉาก เปลี่ยนลูกเล่นไปเรื่อยๆ จำไว้ว่า ณ ตอนนี้อาจจะมีคนเปิดดูเว็บไซต์เราอยู่ก็ได้ แต่ยังไม่ตัดสินใจซื้อ บางทีอาจจะเดือนหน้า หรืออีก 3 เดือน หรืออาจจะปลายๆปีกว่าเค้าจะซื้อของเรา
เพราะฉะนั้นต้องมีการอัพเดตสม่ำเสมอ ให้ลูกค้าเห็นถึงความขยันและความเอาใจใส่
6. จัดโปรโมชั่นให้น่าเชื่อถือ เหมาะสมกับกาลเวลาและเทศกาล
ไม่ใช่แบบว่า...ลดโคตรถูก แถมโคตรเยอะ จะทำให้สินค้าไม่น่าเชื่อถือและอาจจะดูเป็นการหลอกลวง
7. วิธีการชำระเงิน ต้องมีให้หลากหลาย
ทั้งโอนเงินเข้าบัญชี เช็ค ธนาณัติ บัตรเครดิต โอนเงินด่วนระหว่างประเทศ ส่งของแล้วจ่ายเงินเลย ฯลฯธนาคารที่รับก็ต้องหลากหลาย อย่างน้อยๆ 3 ธนาคารขึ้นไป
8. ตอบเมล์ลูกค้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
บันทึกข้อมูลลูกค้าทุกรายไม่ว่าเค้าจะสั่งซื้อมาก-น้อยโทรหาลูกค้าเก่าๆบ้าง ส่งเมล์หาเป็นระยะๆ สอบถามปัญหา ให้คำแนะนำเกี่ยวกับสินค้าเพื่อแสดงให้เห็นความใส่ใจของเราที่มีต่อลูกค้าทุกคน
Monday, November 2, 2015
AirAsia เปิดแล้ว อู่ตะเภา - เชียงใหม่, หาดใหญ่, อุดรฯ
แอร์เอเชีย เปิดเส้นทางบินใหม่ในประเทศอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเปิดบินตรงจาก “อู่ตะเภา” สู่เชียงใหม่ และหาดใหญ่ พร้อมนำเสนอโปรโมชันพิเศษราคาเริ่มต้นที่ 590 บาท
แอร์เอเชียเดินหน้าตอกย้ำเครือข่ายเส้นทางบินภายในประเทศจาก “ท่าอากาศยานอู่ตะเภา” ฐานปฏิบัติการบินแห่งที่ 5 เปิดเพิ่มอีก 2 เส้นทางบินใหม่จากพัทยา (อู่ตะเภา) บินตรงสู่จังหวัดเชียงใหม่ และเมืองหาดใหญ่ เชื่อมโยงภาคตะวันออกสู่ภาคเหนือและภาคใต้ นำเสนอการเดินทางที่หลากหลาย ครอบคลุมเส้นทางเพิ่มมากขึ้น หลังจากที่เส้นทางบินตรงสู่จังหวัดอุดรธานี ภาคอีสาน ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า การเปิดเส้นทางบินใหม่ในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสการเดินทางภายในประเทศให้มีความหลากหลาย ซึ่งจุดหมายปลายทางทั้งเชียงใหม่ และหาดใหญ่ ต่างเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของทั้งชาวไทยและต่างชาติ ประกอบกับเมืองพัทยาก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่รองรับทุกไลฟ์สไตล์ มีแหล่งท่องเที่ยวทั้งทางธรรมชาติ วัฒนธรรม จึงเชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นการเดินทางให้เพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้แอร์เอเชียได้นำเสนอราคาโปรโมชันพิเศษเริ่มต้นที่ 590 บาทต่อเที่ยวบิน โดยเส้นทางบิน “อู่ตะเภา-เชียงใหม่” ให้บริการบินตรง 10 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ (ให้บริการทุกวันวันละ 2 เที่ยวบิน ยกเว้น วันจันทร์, อังคาร, พฤหัสบดี, เสาร์ ให้บริการวันละ 1 เที่ยวบิน) เริ่มจองได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2558 เดินทางได้ตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน 2558 ถึง 29 ตุลาคม 2559
ทั้งนี้ทำให้วันที่ 27 พฤศจิกายน 2558 ไทยแอร์เอเชียจะให้บริการเที่ยวบินปฐมฤกษ์ พร้อมกัน 4 เส้นทางใหม่ คือเส้นทางอู่ตะเภา-เชียงใหม่ และอีก 3 เส้นทางที่เปิดขายไปก่อนหน้านี้คือ จากอู่ตะเภา สู่สิงคโปร์ มาเก๊าและอุดรธานี
สำหรับอีก 1 เส้นทางบินใหม่ “อู่ตะเภา-หาดใหญ่” พร้อมให้บริการ 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ (วันจันทร์, อังคาร, พฤหัสบดี, เสาร์) ราคาโปรโมชันเริ่มต้นที่ 590 บาทต่อเที่ยวบิน เริ่มจองได้ตั้งแต่วันที่ 2-15 พฤศจิกายน 2558 เดินทางได้ตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2558 ถึงวันที่ 29 ตุลาคม 2559 ทำให้ปัจจุบันแอร์เอเชียได้เปิดตัวพร้อมให้บริการบินตรงจากท่าอากาศยานอู่ตะเภา สู่ 8 เส้นทางบินแล้ว คือ หนานหนิง หนานชาง กัวลาลัมเปอร์ มาเก๊า สิงคโปร์ อุดรธานี เชียงใหม่ และหาดใหญ่
จองที่นี่
Sunday, November 1, 2015
หรือว่ามาตรฐาน The Voice Thailand ต่ำลง! (ตัดต่อเอาฮา อย่าคิดมาก)
เมื่อวานนี้ได้ชมการแข่งขัน The Voice Thailand Season 4 รอบ Battle
ซึ่งมีผู้แข่งขันท่านหนึ่งที่เป็นที่วิพากวิจารณ์มาตั้งแต่ผ่านรอบ Blind Audition มาแล้วอย่างกว้างขวาง ซึ่งการ Battle ครั้งนี้ก็ได้ทำให้ผู้ชมทางบ้านได้รู้แจ้งแก่ใจแล้วว่าผู้แข่งขันท่านนี้สมควรผ่านเข้ารอบมาได้หรือไม่ (ผู้ชมตัดสินกันเอาเองนะ)
และเมื่อการ Battle ผ่านไปได้ไม่กี่วินาที ก็ทำให้รู้ว่า สงสารและเสียดายโอกาสของผู้เข้าแข่งขันท่านอื่นๆเสียจริงๆ หลายท่านที่เสียงดีถึงดีมาก แต่ไม่ผ่านการคัดเลือก แต่โค้ชกับเลือกผู้แข่งขันท่านนี้เข้ามา หรือมาตรฐานของ The Voice Thailand จะต่ำลง ตั้งแต่โค้ชแสตมป์ขอลาออกไป
และเมื่อการ Battle จบลง โค้ชท่านนั้นก็ไม่ได้เลือกผู้เข้าแข่งขันท่านนี้ ก็ทำให้โล่งใจไปได้ แต่ไม่ทันถึง 3 วินาที โค้ชอีก 2 ท่านกลับทำการ Steal แย่งผู้แข่งขันท่านนี้ และเมื่อได้ฟังเหตุผลที่ Steal แล้ว ก็ถึงกับอึ้งไปตามๆกัน ทำให้โค้ช Adam และ Blake แห่ง The Voice USA อดทนไม่ไหว ต้องตอบโต้ให้รู้ว่า
แท้จริงแล้ว The Voice คืออะไร (ตัดต่อเอาฮา อย่าคิดมาก)
เชิญรับชม Clip
ซึ่งมีผู้แข่งขันท่านหนึ่งที่เป็นที่วิพากวิจารณ์มาตั้งแต่ผ่านรอบ Blind Audition มาแล้วอย่างกว้างขวาง ซึ่งการ Battle ครั้งนี้ก็ได้ทำให้ผู้ชมทางบ้านได้รู้แจ้งแก่ใจแล้วว่าผู้แข่งขันท่านนี้สมควรผ่านเข้ารอบมาได้หรือไม่ (ผู้ชมตัดสินกันเอาเองนะ)
และเมื่อการ Battle ผ่านไปได้ไม่กี่วินาที ก็ทำให้รู้ว่า สงสารและเสียดายโอกาสของผู้เข้าแข่งขันท่านอื่นๆเสียจริงๆ หลายท่านที่เสียงดีถึงดีมาก แต่ไม่ผ่านการคัดเลือก แต่โค้ชกับเลือกผู้แข่งขันท่านนี้เข้ามา หรือมาตรฐานของ The Voice Thailand จะต่ำลง ตั้งแต่โค้ชแสตมป์ขอลาออกไป
และเมื่อการ Battle จบลง โค้ชท่านนั้นก็ไม่ได้เลือกผู้เข้าแข่งขันท่านนี้ ก็ทำให้โล่งใจไปได้ แต่ไม่ทันถึง 3 วินาที โค้ชอีก 2 ท่านกลับทำการ Steal แย่งผู้แข่งขันท่านนี้ และเมื่อได้ฟังเหตุผลที่ Steal แล้ว ก็ถึงกับอึ้งไปตามๆกัน ทำให้โค้ช Adam และ Blake แห่ง The Voice USA อดทนไม่ไหว ต้องตอบโต้ให้รู้ว่า
แท้จริงแล้ว The Voice คืออะไร (ตัดต่อเอาฮา อย่าคิดมาก)
เชิญรับชม Clip
Friday, October 30, 2015
อ่านแล้วจี๊ดเลย!
'ที่1'ไม่เป็นไม่ได้แล้ว
สิงคโปร์เป็นประเทศเล็กๆ ที่ไม่ยอมแพ้ใคร และไม่ชอบแพ้ชาติไหน "ดนัย จันทร์เจ้าฉาย" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สำนักพิมพ์ ดีเอ็มจี กล่าวตอนหนึ่งระหว่างการสัมมนาในหัวข้อเรื่อง "ก้าวเป็นที่ 1 ด้วยแรงบันดาลใจ" (Inspired Leadership) ว่า ครั้งหนึ่งเมื่อมีสื่อมวลชนถาม ลีกวนยู ว่า มองประเทศไทยเป็นอย่างไร
สิ่งที่รัฐบุรุษผู้นี้ตอบกลับมา บางที ไม่เพียงแต่ทำให้สื่อมวลชนคนนั้นอึ้ง แต่เชื่อว่าหลายคนที่ได้ดูการสัมภาษณ์ ในครั้งนั้น ต่างออกอาการ "อึ้งกิมกี่" อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เพราะ ลี กวน ยู บอกสั้นๆ ตรงไป ตรงมาว่า "ไม่เคยมองไทยเลย..."
พร้อมกับอธิบายว่า ไทยอยู่ในภูมิศาสตร์ที่ดี เป็นศูนย์กลางทางการบิน ขณะที่สิงคโปร์เป็นศูนย์กลางการเดินเรือ ที่ผ่านมาสิงคโปร์เคยมองว่าไทยเป็นคู่แข่งอยู่พักหนึ่ง ไม่เกิน 5 ปี แต่หลังจากนั้นสิงคโปร์ก็รู้ดีแก่ใจว่า ไทยไม่สามารถแข่งขันกับสิงคโปร์ได้ เพราะโครงสร้างการศึกษา ยังไม่เอื้ออำนวยให้คนไทยมีคุณภาพคับแก้ว
"เรากำลังถูกประเทศต่างๆ ดูถูกย่ำยี" ดนัยบอกด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกยากจะบรรยาย
เกาะสิงคโปร์มีขนาดเท่ากับ จ.สระแก้ว ประชากรก็น้อยกว่าไทยหลายเท่า แต่ขีดความสามารถในการสร้างประเทศให้จิ๋ว แต่แจ๋ว นับวันก็ยิ่งทำให้ไทยถูกมองว่า ช่างอุ้ยอ้าย เทอะทะ จนไม่ใช่คู่เปรียบมวย ในเวทีเดียวกัน แม้แต่เวทีอาเซียนเอง ก็ยังไม่ได้อยู่ในความสนใจของสิงคโปร์มากนัก
"ตอนเป็นเด็ก ผมไม่เคยคิดว่าจะเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ ที่ไทยเราทุกวันนี้กำลัง แข่งขันกับเวียดนาม ลาว และเมียนมา เวียดนามเองก็เป็นประเทศที่ไม่ยอมแพ้ ใคร วันนี้ประเทศไทยยังมีขีดความสามารถในการแข่งขันดีกว่าเวียดนาม แต่ข่าวร้ายคือเราจะดีกว่าเวียดนามได้อีกไม่นาน ทุกวันนี้ประเทศที่ได้ฉายาว่าเป็นคนป่วยแห่งเอเชีย (sick man of Asia) คือฟิลิปปินส์ แต่อีกไม่นานไทยเราจะ ก้าวขึ้นมาเป็นคนป่วยแทนฟิลิปปินส์"
เขากล่าวว่า มีหลายๆ สัญญาณที่เริ่มแสดงตัวเด่นชัดว่า ไทยใกล้จะเป็นประเทศ ที่ล้าหลังที่สุดในอาเซียน ต่อให้ประเทศไทยยังไม่ได้แพ้ให้กับฟิลิปปินส์ในวันนี้ เพราะความตกต่ำของฟิลิปปินส์มาจากผู้นำ มาร์กอสเป็นคนดึงประเทศลง ขณะที่ไทยไม่มีใครฉุดรั้งประเทศให้ลงที่ต่ำ มีแต่คน ในประเทศที่ดึงตัวเองลงมา
ปี 2557 ที่ผ่านมาประเทศไทยเติบโต สูงขึ้นเป็นอันดับสุดท้าย 0.9% พอมาปี 2558 นี้เติบโตสูงขึ้น 2.5% ซึ่งเติบโตน้อยที่สุด ในอาเซียน และคาดการณ์ว่าในปีหน้า 2559 จะเติบโตสูงขึ้น 2%
"ต่อไปไทยเราจะเติบโตได้มากสุดประมาณนี้" ถ้าเปรียบเป็นความสูง ประเทศไทยคงสูงได้แค่กลางๆ ไม่สามารถสูงใหญ่มีกล้ามเนื้อได้มากๆ เหมือนใครเขา
อีกเรื่องที่น่าตกใจสำหรับดนัย เจ้าของสำนักพิมพ์ที่ผลิตองค์ความรู้สู่สาธารณชน ก็คือ เด็กไทยมีคะแนนสอบทุกวิชามีค่าเฉลี่ย 40 กว่าๆ จากเต็มร้อย ถือเป็นคะแนนปริ่มน้ำที่แทบจะพังกันไปทั้งระบบการศึกษา ทั้งๆ ที่เมืองไทยใช้งบประมาณทุ่มเทให้กับการศึกษามากเป็นอันดับต้นๆ ของเอเชีย
ถ้าเป็นภาษาวัย gen Me ยุคนี้ต้องบอกว่า "ช็อคแพร๊บบ... นึง" เพราะระดับคุณภาพทางการศึกษาของพี่ไทย กำลัง ช่วงชิงแข่งกันลงข้างล่างกับเวียดนามและเมียนมา
เรื่องที่คนไม่ค่อยรู้ก็คือ ก่อนหน้านี้ เมียนมาได้ลงทุนควักกระเป๋าอันบางเฉียบ ว่าจ้างเยอรมันให้มาช่วยทำวิจัยกลุ่มประเทศในอาเซียน โดยมีโฟกัสอยู่ที่ ประเทศไทย และสิงคโปร์
ดูเผินๆ เหมือนกับว่า เมียนมากำลัง benchmarking เปรียบมวยกับไทยและสิงคโปร์ แต่เอาเข้าจริงแล้ว เป้าหมายของเมียนมาคือ อยาก สวย เริ่ด เชิ่ด หยิ่ง แบบสิงคโปร์ และมองไทยเอาไว้เตือนตน (lesson not to learn) ว่า อย่าได้ริอ่านเอาเป็นแบบอย่างทีเดียวเชียว เพราะเป็นตัวอย่างที่ไม่สมควรทำตามในทุกเรื่อง ตั้งแต่โครงการจำนำข้าว รถยนต์คันแรก และอื่นๆ อีกมากมาย ที่ถือเป็นความล้มเหลวของประเทศ
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ เมื่อเรา ไม่สามารถย้ายประเทศไทยไปอยู่โซนยุโรป เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีผิดหูผิดตาแบบสวิสเซอร์แลนด์ได้ หัวใจของการแข่งขัน ในศตวรรษที่ 21 จึงยังไม่สายเกินไปที่ไทยเราจะดึงพลังความคิดสร้างสรรค์จากสมองที่มีน้ำหนัก ตัวเพียง 1.5 กิโลกรัม เอามาเป็นแม่แรงยกระดับความสามารถของชาติไม่ให้เตี้ยติดดิน (เพราะไหนๆ ไทยเราก็ไม่ได้สูง ไปมากกว่านี้อีกแล้ว)
"วันนี้ไทยเราจะแข่งขันได้ ต้องแข่งกันที่สมองซีกขวา ซึ่งเป็นโหมดของความคิดสร้างสรรค์" ดนัยพูดด้วยความกระตือรือร้น
ทุกวินาทีจากนี้เอเชียคือเศรษฐกิจใหม่ของโลก หมดยุคของแบรนด์ดูดีมีชาติตระกูลจากตะวันตก เพราะนับวันกระแสสินค้าท้องถิ่น กำลังปลุกวิญญาณวิถีแห่งวัฒนธรรม ไม่ใช่แบรนด์เดียวแล้วใช้กัน ทั้งโลก แต่เป็นความหลากหลายของแบรนด์ ดั่งสายน้ำที่ไหลรวมกันเป็นสายใหญ่
"สิบปีที่ผ่านมา ไทยหายไปจากสปอตไลท์ของโลก เราได้ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่คนชอบใช้ไลน์มากเป็นอันดับ 2 ของโลก เราขึ้นทำเนียบสังคมของนักช้อป แต่เราไม่เคยติดอันดับหนึ่งในประเทศ นักคิด ไม่เคยอยู่ในสังคมของนักคิดเลย สิ่งที่เราควรทำจากนี้คือ benchmarking แบบเดียวกับที่เมียนมามีสายตาไว้มองสิงคโปร์"
การฉุดประเทศไทยออกจากหลุมดำ อันดับแรกต้องหัดช่วยตัวเองก่อน แทนที่จะทำตัวเองเป็นสังคมช่างอ่อนแอในหลายเรื่อง ก็ฝึกความเข้มแข็งให้ตัวเองผ่านการขับเคลื่อนนวัตกรรม IDE (Innovation Driven Enterprise) และนวัตกรรมจะงอกเงยขึ้นมาได้ จากการเพิ่มเซลส์สมอง ให้มากขึ้น ยิ่งทำให้แตกตัวได้มาก ความฉลาดก็จะยิ่งมากตาม โดยไม่ต้องกิน โอเมก้า 3
"เราสามารถเพิ่มเซลส์สมองจากการพัฒนาสมองซีกขวาซึ่งเป็นเรื่องของความคิด สร้างสรรค์ สมองซีกขวาจไม่ประเมิน ไม่ตัดสิน ไม่ฟันธง yes, no, ok ขณะที่สมองซีกซ้ายจะอยู่กับร่องกับรอย ยึดแม่แบบตำรา อยู่กับกฎระเบียบ สมองซีกขวาชอบออกนอกกรอบ ชอบอยู่กับอะไรใหม่ๆ แต่สมองซีกซ้ายชอบอะไรตรงๆ"
เขาบอกว่า เราสามารถทำตัวเองให้ฉลาดขึ้นได้ ด้วยการใช้ทักษะของสมอง ทั้งสองซีกให้สมดุลกัน ฝ่ายไหนมากกว่า ก็ให้มาเพิ่มอีกฝ่ายที่น้อยกว่า ให้หัดทำ ในสิ่งที่ไม่เคยทำ เช่น เคยใช้มือขวา ตักข้าวเข้าปาก ก็ให้มือซ้ายมาทำงาน แทนบ้าง นอกจากนี้การฝึกสมาธิก็เป็นเครื่องมือสำคัญ ที่ช่วยจัดระเบียบการทำงานของสมอง
"วอลล์สตรีท เจอร์นัล ออกมาฟันธงแล้วว่า สมาธิคือกุญแจสร้างความสำเร็จ แม้แต่กูเกิลเองยังมีทางเดินจงกรมให้พนักงาน ขณะที่ซิลิคอน วัลเลย์ ก็ออกแบบสมาธิให้เป็นวัฒนธรรมองค์กร ไม่ใช่ทำอะไรแบบผิวๆ"
สุดท้ายแล้วการทำชีวิตให้ประสบ ความสำเร็จ หรือการสร้างชาติให้มีเศรษฐกิจที่ดี จุดหมายปลายทางคือ การสร้างความสุข ร่วมกัน ซึ่งสำคัญกว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ข้อดีของการเป็นที่ 1 คือ สามารถ ยืนอยู่ได้โดยไม่มีใครบัง และการไม่คิด ผลักดันตัวเองให้เป็นที่ 1 เราอาจจะต้องชะเง้อคอยาวผ่านหัวไหล่ใครอีกหลายคน เพราะฉะนั้นแล้ว การตั้งธงเป็นที่ 1 แล้วจะได้ที่เท่าไหร่ถือว่าดีทั้งนั้น สำหรับทุกความพยายามที่มีจริงๆ ไม่ใช่ความเหลาะแหละ...
เรียบเรียงจากงานสัมมนา ก้าวเป็นที่ 1 ด้วยแรงบันดาลใจ (Inspired Leadership) จัดโดย สำนักพิมพ์ดีเอ็มจี กลางเดือน ต.ค. 2558 ที่ผ่านมา ณ โรงแรมอโนมา ราชดำริ กรุงเทพฯ
'ความตกต่ำของฟิลิปปินส์ มาจากผู้นำมาร์กอสเป็นคนดึงประเทศลง ขณะที่ไทยไม่มีใครฉุดรั้ง มีแต่คนในประเทศ ที่ดึงตัวเองลง'
•นสพ.กรุงเทพธุรกิจ หน้า 20 วันที่ 29 ตุลาคม 2558
Friday, October 16, 2015
เจ็บจี๊ด! แผงลอตเตอรี่ที่จันทบุรี บังคับซื้อเลขไม่สวย
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่แผงค้าลอตเตอรี่แห่งหนึ่งในจังหวัดจันทบุรี ซึ่งผู้นำคลิปมาเผยแพร่ได้เผยถึงกลเม็ดการขายลอตเตอรี่ของแผงนี้ว่า จะต้องซื้อลอตเตอรี่เลขไม่สวยไปด้วย เช่น ถ้าซื้อเลขสวย 1 ใบ ก็ต้องซื้อเลขไม่สวยไปด้วยอีก 1 ใบ
คลิกเพื่อชมคลิป
Thursday, October 1, 2015
Monday, September 7, 2015
เตือนภัย!! ระวังแบตสำรอง ระเบิด!!!
ระวัง!!!
ได้รับการแจ้งเตือนจากผู้ใช้ Facebook รายหนึ่งเกี่ยวกับอันตรายจาก แบตเตอรี่สำรอง หรือ Power Bank ระเบิด ในช่วงระหว่างนอนหลับพักผ่อน
คำแจ้งเตือนดังนี้
ได้รับการแจ้งเตือนจากผู้ใช้ Facebook รายหนึ่งเกี่ยวกับอันตรายจาก แบตเตอรี่สำรอง หรือ Power Bank ระเบิด ในช่วงระหว่างนอนหลับพักผ่อน
คำแจ้งเตือนดังนี้
"ฝากเตือนเพื่อนๆด้วยนะคะ ตอนนี้ไม่ได้มีแค่โทรศัพท์ระเบิดแค่อย่างเดียวแล้วนะคะ
ตอนนี้แบตสำรองที่เราใช้กันก็เกิดการระเบิดเช่นกัน ล่าสุดเมื่อคืนนี้เอง เหตุเกิดขึ้นกับน้องที่หอ
เวลาประมาณตี 3 เป็นช่วงเวลาที่กำลังนอนหลับ แบตสำรองที่กำลังเป็นที่นิยมกัน และมีราคาถูก
ได้เกิดระเบิดขึ้นมา 2 ครั้ง ครั้งแรกระเบิดเบา แต่ยังดีที่น้องรู้สึกตัวก่อนจึงได้วิ่งออกมา
ได้รับแผลไหม้ที่ขาด้านซ้าย แต่ครั้งที่ 2 ระเบิดแรงมาก รัศมี 4 เมตร ทำให้เศษของแบตสำรอง
กระจายทั่วห้อง ส่วนที่เป็นผ้าปูที่นอนที่โดนเศษแบตก็เป็นรูไหม้
(ลองคิดดูถ้าโดนผิวหนังของเราจะเป็นอย่างไร)
***ฝากเตือนสำหรับคนที่ใช้แบตสำรองแบบนี้ด้วยนะคะ ตรวจสอบคุณภาพด้วย 250 บาทไม่คุ้มเลย***
***ฝากเตือนสำหรับคนที่ใช้แบตสำรองแบบนี้ด้วยนะคะ ตรวจสอบคุณภาพด้วย 250 บาทไม่คุ้มเลย***
Monday, August 10, 2015
เตือนภัย! แขกขาวอาละวาดหลอกเชิดเงินทำทีซื้อของ (ชมคลิป)
เตือนภัยร้านค้าระวังแก๊งแขกขาวอาละวาด ทำทีซื้อของพูดจาชวนเจ้าของร้านให้ไขว้เขว ก่อนจะเชิดเงิน และสินค้าหนีลอยนวล
ล่าสุด ร้านขายยา ตกเป็นเหยื่อเชิดเงินเกือบพัน พร้อมของไป วอนเจ้าหน้าที่เร่งกวาดล้าง หลังก่อเหตุนับครั้งไม่ถ้วน
ชมคลิป
Thursday, August 6, 2015
ด่วน! พบชิ้นส่วนเครื่องบิน Malaysia Airline MH370 แล้ว / VoiceTV
ยืนยันแล้วว่า ชิ้นส่วนเครื่องบินโบอิง 777 ที่พบบนเกาะเรอูนียงมาจาก MH370 จริง
นายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย แถลงการณ์ยืนยันแล้วว่าชิ้นส่วนเครื่องบินโบอิง 777 ที่พบบนเกาะเรอูนียง ของฝรั่งเศส กลางมหาสมุทรอินเดีย มาจากมาเลเซียแอร์ไลน์ MH370 ที่สูญหายไปเมื่อมีนาคมปีที่แล้วจริง หลังจากที่ผู้เชี่ยวชาญจากนานาชาติเข้าตรวจสอบชิ้นส่วนดังกล่าวที่ห้องแล็บในเมืองตูลูส ของฝรั่งเศส เมื่อวานนี้
การยืนยันในครั้งนี้ทำให้ทราบอย่างแน่ชัดว่า MH370 ได้ตกลงในมหาสมุทรอินเดียตอนใต้ตามที่ทางการมาเลเซียได้เคยประกาศออกไป 16 วัน หลังจากที่เครื่องสูญหาย แต่ก็ไม่เคยมีหลักฐานแน่ชัด จนกระทั่งวันนี้
ด้านทางการออสเตรเลียได้ออกมาระบุว่า หากทีมค้นหาสามารถคำนวณพิกัด โดยพิจารณาจากชิ้นส่วนที่ถูกซัดมาเกยตื้นที่ชายหาดในครั้งนี้ได้ ก็จะพบซากเครื่องและชิ้นส่วนที่เหลือของ MH370 อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะตั้งข้อสันนิษฐานหรือสรุปว่าเกิดอะไรขึ้นกับเครื่องบินลำดังกล่าวกันแน่ และจะต้องดำเนินการสืบสวนอย่างละเอียดต่อไป
เครื่องบินโบอิง 777 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ MH370 ลำนี้ กำลังเดินทางจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซีย ไปยังกรุงปักกิ่งของจีน เมื่อวันที่ 8 มีนาคมปี 2557 โดยมีผู้โดยสารและลูกเรือรวม 239 คน ก่อนจะหายไปจากจอเรดาร์และขาดการติดต่อกับหอควบคุมการบินอย่างไร้ร่องรอยในที่สุด
Credit: VoiceTV
Friday, July 31, 2015
กล้วยทอด! Windows 10 โดน Crack ซะแล้ว แจกไฟล์แคร็กด้วย
หลังจาก ที่ Microsoft ได้เปิดให้ผู้ใช้งาน Windows 7 และ 8 (8.1) ทำการ Upgrade เป็น Windows 10 ไปแล้วเมื่อวันที่ 29 ก.ค. ที่ผ่านมา
ขณะนี้ เว็บไซท์ mhktrick.net ได้ประกาศว่า ได้ทำการ Crack Windows 10 สำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้เปิดให้ผู้เข้าชมเว็บไซท์ สามารถ Download Crack file ได้อีกด้วย โดยตั้งชื่อหัวข้อว่า
Windos 10 Final Activator (KMSpico 10 Final) และอ้างว่าเมื่อ Crack/Activated แล้ว สามารถใช้ Windows ได้ตลอดไป (Lifetime)
Windos 10 Final Activator (KMSpico 10 Final) และอ้างว่าเมื่อ Crack/Activated แล้ว สามารถใช้ Windows ได้ตลอดไป (Lifetime)
และในหน้าของเว็บไซท์ดังกล่าง ยังบอกถึงขั้นตอนการ Carck/Activate Windows 10 อย่างละเอียดอีกด้วย
Thursday, July 16, 2015
ดูชัดๆ พบปัญหาการออกรางวัลเลขท้าย 3 ตัว ครั้งที่ 4 งวด วันที่ 16 ก.ค. 2558
เป็นที่ถกเถียงกันอย่างกว้างขวางใน Social media อย่าง Facebook
ถึงการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล ประจำงวดวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ.2558
โดยที่เป็นปัญหาพูดถึงกันคือ การออกรางวัลเลขท้าย 3 ตัวครั้งที่ 4
ผู้ชมการถ่ายทอดสดหลายท่านเห็นตรงกันว่า เลขที่ออกคือ 244 แต่ผู้ประกาศกลับประกาศว่า 294
เรามาพิสูจน์กันชัดๆ อีกครั้ง จากคลิป VDO นี้ครับ
ถึงการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล ประจำงวดวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ.2558
โดยที่เป็นปัญหาพูดถึงกันคือ การออกรางวัลเลขท้าย 3 ตัวครั้งที่ 4
ผู้ชมการถ่ายทอดสดหลายท่านเห็นตรงกันว่า เลขที่ออกคือ 244 แต่ผู้ประกาศกลับประกาศว่า 294
เรามาพิสูจน์กันชัดๆ อีกครั้ง จากคลิป VDO นี้ครับ
Thursday, June 18, 2015
พบผู้ติดเชื้อเมอร์สรายแรกในไทย "สธ."สั่งเฝ้าระวังอีก59คน
เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้เกิดการแชร์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียว่า พบผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง หรือโรคเมอร์ส คนแรกในประเทศไทยแล้ว โดยเป็นชาวต่างชาติ ที่เดินทางมาจากตะวันออกกลาง และมีประวัติสัมผัสอูฐ สร้างความแตกตื่นให้กับสังคม รวมทั้งยังแชร์ข้อความพบผู้ต้องสงสัยโรคดังกล่าว 3 ราย ที่ จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นข้อมูลเก่าและกรมควบคุมโรค ได้แถลงชัดว่าเป็นโรคไข้เลือดออก ล่าสุด นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรณีผู้ป่วยต้องสงสัยที่ จ.ร้อยเอ็ด 3 ราย ซึ่งเดินทางกลับจากเกาหลีใต้ ผลตรวจชัดเจน ตั้งแต่เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า ป่วยเป็นไข้เลือดออก ซึ่งกรณีนี้จบแล้ว อย่าแชร์กันอีก ส่วนอีกกรณีก็อยู่ระหว่างตรวจสอบ แต่เบื้องต้นยังไม่พบเชื้อแต่อย่างไร ทั้งนี้วอนอย่าสร้างความแตกตื่น ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ระบบการเฝ้าระวังของประเทศไทยทำอย่างเข้มงวด ทำให้พบผู้ที่เข้าข่ายต้องสอบสวนโรคทุกวัน แต่ปัจจุบันเทคนิคการตรวจวินิจฉัยเชื้อทางห้องปฏิบัติการทำได้รวดเร็วเพียง 1 วันเท่านั้น จึงไม่มีผู้อยู่ระหว่างสอบสวนโรคค้างในระบบ อย่างไรก็ตาม จากการส่งต่อข้อความต่างๆผ่านโซเซียลว่า พบผู้ต้องสงสัยล่าสุด ขอให้รอผลการตรวจเชื้อทางห้องปฏิบัติการก่อนภายในวันนี้ (18 มิ.ย.)“
สยอง สาวจัดซื้อตกคอนโดดับที่ระยอง
ตำรวจสถานีภูธรเมืองระยอง เข้าตรวจสอบเหตุคนตกจากที่สูง โครงการก่อสร้าง แลนด์ เสคปคอนโด (สะเคปคอนโด) ถนนแสงจันทร์ ตำบลเนินพระ อำเภอเมืองระยอง พบร่าง นางสาวณัฐปภัสร์ ชลสวัสดิ์ อายุ 26 ปี เจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดซื้อของ บริษัทเอ็กซ์เซ็ตเคียวทีฟ จำกัด อยู่ในโครงการก่อสร้าง แลนด์ เสคปคอนโด นอนเสียชีวิตอยู่ด้านล่าง ซึ่งเป็นช่องของลิฟท์ด้านหน้าอาคาร แต่ยังไม่ได้ติดตั้งลิฟท์
จากการสอบถาม นายสุธรรม ละมัยเกศ ผู้ดูแลฝ่ายงานออกแบบ บอกว่า ผู้ตายเพิ่งจะมาทำงานได้ 1 เดือน เป็นคนขยันและชอบเดินดูงานที่คอนโดเป็นประจำ จนกระทั่งเวลาประมาณ 10 นาฬิกาวานนี้ (17 มิถุนายน) ได้รับแจ้งจาก หัวหน้าควบคุมงานโครงการฯ ว่า นางสาวณัฐปภัสร์ ได้ตกลงมาจากที่สูง และเสียชีวิต
โดยก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายขึ้นไปดูเจ้าหน้าที่ติดตั้งตู้ไฟบังคับลิฟท์บนชั้น 3 และใช้กล้องจากโทรศัพท์ถ่ายรูปตู้ไฟควบคุมลิฟท์ ซึ่งลิฟท์จะติดตั้งในวันจันทร์หน้า คาดว่าพื้นที่ในการถ่ายรูปตู้ไฟไม่พอ จึงได้ขยับถอยหลังไปเรื่อยๆ จนตกลงไปชั้นล่าง จากความสูงประมาณ 12 เมตร
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะได้มีการสอบปากคำเพิ่มเติมผู้รับเหมา และพยานที่อยู่ในที่เกิดเหตุทุกคน เพื่อหาข้อเท็จจริงต่อไป
Location:
Rayong, Thailand
Subscribe to:
Posts (Atom)